อยากฟันสวย! ควรจัดฟันแบบไหนถึงจะตอบโจทย์?

อ่านเพิ่มเติม
ทำไมต้องจัดฟัน และควรเริ่มจัดฟันตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
เจาะลึก! จัดฟันอายุเท่าไหร่ จัดที่ไหนดี?
จบครบทุกข้อสงสัย! จัดฟันแล้วหน้าเปลี่ยนจริงไหม
ปัญหาหน้าไม่สมส่วน แก้คางยื่นด้วยการจัดฟันได้ไหม?
สาเหตุและแนวทางแก้ปัญหา สำหรับคนฟันไม่สบกัน

ทำความรู้จักประเภทของการจัดฟัน

การทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontics) เป็นการจัดและรักษาให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติได้  เพื่อช่วยให้การเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยเสริมสร้างความมั่นใจด้วย โดยทั่วไปแล้ววิธีการจัดฟันสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. การจัดฟันแบบโลหะ

เป็นการติดเครื่องมือแบบโลหะไว้ที่ผิวด้านหน้าของฟัน และต้องมีการปรับเครื่องมือทุกเดือน ซึ่งเป็นประเภทการจัดฟันที่ได้รับความนิยม เพราะยางโอริง (O-ring) ที่ใช้รัดเครื่องมือกับลวดจัดฟันมีสีสันสดใสและสามารถเลือกเปลี่ยนสีได้

ข้อดี

1. สามารถเปลี่ยนสียางได้ทุกเดือนตามต้องการ
2. คราบอาหารติดเครื่องมือได้ยาก
3. ดูแลและทำความสะอาดง่าย
4. สามารถจัดฟันที่ซ้อนเกได้ทุกรูปแบบ
5. ราคาไม่แพง

ข้อจำกัด

ต้องพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับเครื่องมือและเปลี่ยนยางโอริง (O-ring) 

2. การจัดฟันแบบเซรามิก

มีลักษณะคล้ายกับการจัดฟันแบบโลหะ แต่จะใช้วัสดุแบบเซรามิกใสยึดติดกับผิวฟันด้านหน้า มีทั้งแบบใช้ยางรัดและไม่ใช้ยางรัด

ข้อดี

1. ดูแลและทำความสะอาดง่าย
2. สีเครื่องมือเหมือนฟัน ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนว่ากำลังจัดฟันอยู่
3. สามารถจัดเรียงฟันที่ซ้อนเกได้ทุกรูปแบบ

ข้อจำกัด

1. ต้องพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับเครื่องมือและเปลี่ยนยางโอริง (O-ring) 
2. เครื่องมืออาจแตกหักได้ง่ายกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
3. มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ

3. การจัดฟันแบบดามอน

ใช้เครื่องมือแบบดามอน (Damon) โดยไม่ต้องใส่ยางรัดฟัน ทำงานด้วยกลไกแบบบานพับและลวดชนิดพิเศษที่ทำให้การเคลื่อนฟันไม่เจ็บมาก

ข้อดี

1. หมดปัญหาเรื่องยางขาดหรือเสื่อมสภาพ
2. ทำความสะอาดและดูแลง่าย
3. ช่วยลดระยะเวลาการทำฟัน
4. ช่วยลดการระคายเคืองของช่องปากได้เพราะใช้ลวดชนิดพิเศษ 
5. ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย
6. สามารถจัดเรียงฟันที่ซ้อนเกได้ทุกรูปแบบ

ข้อจำกัด

1. ต้องพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับเครื่องมือและเปลี่ยนยางโอริง (O-ring) 
2. เครื่องมืออาจแตกหักได้ง่ายกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
3. มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ

4. การจัดฟันแบบใส INVISALIGN

เป็นนวัตกรรมการจัดฟันที่ไร้เครื่องมือและลวดเหล็ก สามารถใส่และถอดออกได้ เป็นที่นิยมในหมู่ดารา นักร้อง หรือผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ากำลังใส่เครื่องมือทำฟันอยู่

ข้อดี

1. มองไม่เห็นเครื่องมือ
2. สะดวกในการรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน เพราะถอดใส่ง่าย
3. หมดปัญหาการระคายเคืองหรือแผลในช่องปาก
4. ไม่ทำให้เสียบุคลิกภาพและความมั่นใจ
5. ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยและเข้าที่ได้รวดเร็ว
6. แก้ปัญหาฟันซ้อนเกและฟันห่างได้ทุกรูปแบบ
7. ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย

ข้อจำกัด

มีราคาที่ค่อนข้างสูง

5. การจัดฟันแบบโลหะด้านใน

เป็นรูปแบบการจัดฟันที่ติดเครื่องมือไว้ด้านในของผิวฟัน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นเครื่องมือได้จากด้านหน้าเหมือนกับการจัดฟันแบบโลหะธรรมดา

ข้อดี

1. มองไม่เห็นเครื่องมือ
2. ไม่ทำให้เกิดสีขาวบนผิวบนด้านนอก
3. สามารถแก้ปัญหาเรื่องการเรียงตัวของฟันได้อย่างดี
4. ได้ผลลัพธ์การรักษาที่แน่นอนและรวดเร็ว

ข้อจำกัด

1. มีความซับซ้อน ต้องใช้เครื่องมือพิเศษและความชำนาญของทันตแพทย์
2. ต้องพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อปรับเครื่องมือ

6. การจัดฟันแบบ Brava by BRIUS

จัดฟัน Brava by Brius  เป็นเทคโนโลยีการจัดฟันแบบใหม่ครั้งแรกในประเทศไทยจาก Denta-joy THE ORTHODONTIST ซึ่งเป็นการติดเครื่องมือไว้ด้านในของผิวฟัน ทำให้มองไม่เห็นเครื่องมือ 100% โดยที่เครื่องมือสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น

ข้อดี

1. มองไม่เห็นเครื่องมือ 100%
2. มีประสิทธิภาพในการรักษาสูง
3. ใช้ระยะเวลาในการรักษาน้อย เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจภายในไม่กี่เดือน
4. ดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย
5. ไม่ต้องถอดเครื่องมือเวลารับประทานอาหาร
6. ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย

ข้อจำกัด

เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้อาจมีราคาสูง

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดข้อดีและข้อจำกัดของการจัดฟันรูปแบบต่าง ๆ คราวนี้ก็สามารถเลือกวิธีการที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับเราได้แล้ว สำหรับใครที่สนใจต้องการจัดฟันไม่ว่าจะรูปแบบใด Denta-joy THE ORTHODONTIST พร้อมให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการทันตกรรม สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 095-491-8659