
เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ไม่กลัวหมอฟัน
สวัสดีค่ะ พบกันอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับครั้งนี้เดนต้าจอยได้รับคำถามมาจากผู้ปกครองว่า จะมีวิธีอย่างไรที่จะช่วยให้ลูกไม่กลัวหมอฟัน และไม่กลัวการมาพบหมอฟันค่ะ
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็ก ๆ ส่วนมาก ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่เอง มักกลัวการมาพบหมอฟันหรือกลัวการมาทำฟัน แล้วรู้หรือไม่คะว่า หมอฟันมักจะถูกหยิบยกมาใช้ในการขู่เด็ก เพื่อให้เด็กทำตามในสิ่งคุณพ่อคุณแม่มีความประสงค์อยากจะให้ทำหรือไม่ให้ทำ ซึ่งก่อให้เกิดความฝังใจจำว่าการพบหมอฟันเป็นสิ่งที่น่ากลัวไปเลยค่ะ หรือแม้กระทั่งการพาลูกมาหาหมอฟันตอนที่มีอาการปวดฟันแล้ว ทำให้ขั้นตอนของการรักษามีความยุ่งยากและเจ็บตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เลยเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับหมอฟันไปเลย
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตั้งแต่แรก เดนต้าจอยขอแนะนำ ดังนี้ค่ะ
1. พาเด็กมาพบหมอฟันตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาเรื่องฟัน คือ อย่างช้าที่สุด 6 เดือน หลังฟันซี่แรกขึ้น หรือ 1 ปีหลังคลอด เพื่อรับการตรวจและให้คำแนะนำในการดูแลป้องกัน เมื่อเด็กมีสุขภาพฟันที่ดี ก็จะไม่ต้องพบกับการรักษาที่ยุ่งยาก เด็กก็จะมีทัศนคติที่ดีต่อการพบหมอฟันค่ะ
2. ก่อนพาเด็กมาพบกับหมอฟัน ควรพูดแต่สิ่งดี ๆ เช่น คุณหมอจะช่วยทำให้ลูกฟันสวยและแข็งแรง ไม่พูดข่มขู่ให้เด็กกลัว เช่น ถ้าหนูดื้อ เดี๋ยวให้หมอจับถอนฟันเลยนะ
3. เมื่อพาลูกมาพบกับหมอฟัน ถ้าเด็กให้ความร่วมมือดี หมอฟันจะอนุญาตให้ผู้ปกครองนั่งอยู่ด้วย แต่เป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ไม่ควรช่วยหมอพูดกับลูก ทั้งนี้ เพื่อให้หมอฟันเองได้สื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับเด็กโดยตรง แต่ถ้าเด็กไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา คุณหมอก็อาจจำเป็นต้องแยกผู้ปกครองกับเด็ก เพื่อปรับพฤติกรรมของเด็ก
ผู้ปกครองบางท่านอาจมีคำถามที่ว่า ถ้ากรณีที่ลูกกลัวหมอฟันมาก ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรอยู่กับลูกขณะทําฟันหรือไม่ ขอตอบอย่างนี้นะคะ ในปัจจุบันหมอฟันเด็ก มักจะให้อิสระแก่คุณพ่อคุณแม่เองเลยว่า จะอยู่กับลูกในห้องทําฟัน หรือ เลือกรออยู่ด้านนอกห้องก็ได้ สำหรับกรณีที่คุณพ่อคุณแม่เลือกที่จะอยู่กับลูกในห้อง ข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติเมื่ออยู่ในห้องทําฟันกับลูก คือ
- ไม่ควรแสดงสีหน้าหวาดกลัว หรือ วิตกกังวล ในขณะที่คุณหมอฟันเด็กกําลังใหัการรักษาอยู่
- ไม่ควรพูดแทรกระหว่างที่คุณหมอฟันเด็กกําลังพูดคุยกับลูกอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากจะส่งผลเสียในแง่ที่ทําให้เด็กสับสน ว่าควรจะฟังใครหรือเชื่อใครดี ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกคุ้นเคย กับ คุณหมอฟันเด็กที่เพิ่งจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องทำการแยกผู้ปกครอง ตัวผู้ปกครองเองต้องพร้อมให้ความร่วมมือที่จะออกจากห้องทําฟันทันทีเมื่อคุณหมอฟันเด็กร้องขอ ซึ่งการแยกผู้ปกครอง (Parental absence) ถือเป็นวิธีการทางจิตวิทยาเด็กว่าด้วยการจัดการทางพฤติกรรมวิธีหนึ่ง ที่คุณหมอฟันเด็กอาจจะใช้สำหรับเด็กที่มีอายุมากกว่า 3 ขวบ ที่ร้องไห้โวยวาย และไม่ให้ความร่วมมือในการทำการรักษา ทั้งนี้เนื่องจาก เด็กในวัยนี้จะเป็นวัยที่สามารถสื่อสารเข้าใจการพูดคุยแล้ว โดยคุณหมอฟันเด็กจะต่อรองกับเด็กว่า เมื่อหนูหยุดร้องไห้ คุณหมอจะให้คุณแม่ หรือคุณพ่อ กลับเข้ามาได้ ซึ่งวิธีการนี้ ถือเป็นวิธีการจัดการพฤติกรรมวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีเลยทีเดียว และโดยส่วนใหญ่เด็กจะปรับพฤติกรรมโดยการหยุดร้องไห้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้กลับเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ
4. หลังทำฟันเสร็จควรให้คำชมแก่เด็ก เพื่อให้เด็กรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เช่น หนูเก่งมากเลยนะคะ ฟันหนูสวยมาก ๆ และไม่ควรถามเกี่ยวกับความเจ็บปวด เช่น เจ็บไหม เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าคุณหมอทำไม่เจ็บ ซึ่งเด็กบางคนหากได้ยินคำพูดแบบนี้อาจร้องไห้ทันที เพื่อเรียกร้องความสนใจ
แล้วหมอฟันเด็กจะมีวิธีรับมือกับการที่เด็กกลัวหมอฟัน ได้อย่างไร
ในกรณีที่เด็กกลัวการทำฟันมากๆ หากมาพบหมอฟันเด็กด้วยอาการที่ไม่ฉุกเฉิน คือ ไม่มีอาการปวดฟัน หมอฟันเด็กทุกคนมักจะเริ่มต้นด้วยการพูดคุยสร้างความคุ้นเคยเพื่อให้เด็กหายกลัวก่อน ซึ่งผู้ปกครองจะมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ ทั้งการให้ข้อมูลของสิ่งที่เด็กชอบ โรงเรียนของเด็ก ชื่อของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เคยมาทำฟัน หรือชื่อของคุณครู เพื่อให้หมอฟันเด็กเริ่มต้นบทสนทนากับเด็กได้ง่ายขึ้น
โดยส่วนมากแล้ว เมื่อเด็กเกิดความรู้สึกไว้วางใจ ก็จะเปิดใจรับฟังสิ่งที่หมอฟันเด็กพยายามจะสื่อสารด้วย จากนั้น หมอฟันเด็กก็จะเริ่มต้นกระบวนการทำฟันด้วยงานที่ง่าย ๆ เช่น การแปรงฟันหรือการขัดฟัน ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีความซับซ้อนและไม่เจ็บ และเมื่อเด็กเกิดการเรียนรู้อีกว่าการทำฟันนั้น ไม่ได้ยากและไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด เด็กๆก็มักจะหายกลัวการทำฟันไปเองค่ะ
กรณีฉุกเฉินแต่ ลูกกลัวหมอฟันควรทำอย่างไรดี
แต่ในกรณีที่เด็กมาด้วยปัญหาเร่งด่วนฉุกเฉิน เช่น ปวดฟันมา คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง ควรพาลูกมาพบกับหมอฟันเด็กโดยเร็วที่สุด โดยหมอฟันเด็กจะต้องรีบให้การรักษาให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้น หมอฟันเด็กก็จะค่อย ๆ ดึงความรู้สึกของเด็กให้กลับมาเป็นทางบวกอีกครั้ง ซึ่งมักจะยากกว่าในกรณีที่ยังไม่มีอาการปวดฟันหรือมีฟันผุ โดยที่ผู้ปกครองจะต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ ว่าหมอฟันเด็กจะค่อยๆใช้หลักจิตวิทยาให้เด็กเรียนรู้ใหม่ว่าการทำฟันนั้นไม่ได้ยากและน่ากลัวเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เด็กได้พบเจอมาเป็นอย่างไรกันบ้างคะ อ่านบทความนี้แล้ว ช่วยให้เข้าใจวิธีการจัดการและแนวทางการรับมือเพื่อแก้ปัญหาการกลัวหมอฟันของเด็กแล้วใช่มั้ยคะ หากผู้ปกครองท่านใดต้องการพาบุตรหลานมาตรวจสุขภาพฟัน สามารถติดต่อเข้ามาที่เดนต้าจอยได้เลยนะคะ เรามีทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็กไว้คอยดูแลบุตรหลานของท่านค่ะ
Denta-joy ผู้นำนวัตกรรมจัดฟัน และทันตกรรมเพื่อความงาม “ #เริ่มต้นวันที่ดีด้วยรอยยิ้ม ”
เดนต้าจอย เป็นผู้นำนวัตกรรมจัดฟันใส Invisalign และ Brava เข้ามาเป็นเจ้าแรกในไทย ได้ออกแบบรอยยิ้ม และเป็นผู้ให้การรักษา ด้วยการจัดฟันแบบใส ที่มีจำนวนเคสมากที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประสบการณ์จัดฟันใส Invisalign มากกว่า 9,000 เคส
ผู้นำการจัดฟันแบบมองไม่เห็น ตั้งแต่ 1983
1983 จัดฟันด้านใน Lingual Braces ที่แรกในประเทศไทย
2000 จัดฟันใส Invisalign ที่แรกในประเทศไทย ให้การรักษากว่า 9,000 + เคส
2019 จัดฟันมองไม่เห็น Brava by BRIUS ที่แรกในเอเชีย สะดวก รวดเร็ว มองไม่เห็น เป็นคลินิกแรกนอก ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้นำนวัตกรรมเครื่องมือจัดฟันเร็วด้านในอย่าง Brava by BRIUS
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Inbox : https://m.me/DentajoyDental
Add Line ID : @dentajoy (https://lhco.li/3HtAw86)
โทร : 095-491-8659
รีวิว https://dentajoy.com/dentajoy-before-after
สาขา https://dentajoy.com/branch-locations
รู้จักกับการจัดฟันใส https://dentajoy.com/invisalign
Internationnal Patient
For Chinese Wechat : chinesemkt
For English LINE: dentajoy.eng.
#Dentajoy #ผู้นำเทรนด์การจัดฟัน #จัดฟันด้านใน #จัดฟันbrava #จัดฟัน #จัดฟันใส #invisalign #จัดฟันเร็ว #BravabyBrius #จัดฟันเด็ก #veneer
* รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คลินิกกำหนด