
1. รู้จักรากฟันเทียม
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือ วัสดุทางทันตกรรมที่ทำจากไทเทเนียมซึ่งสามารถเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้ดี ใช้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกร โดยรากเทียมจะทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติเพื่อรองรับการทำทันตกรรมฟันปลอม ครอบฟัน หรือสะพานฟัน ถือเป็นการแก้ปัญหาการสูญเสียฟันธรรมชาติหรือไม่มีฟันซี่นั้นๆมาตั้งแต่กำเนิด และได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
2. ขั้นตอนการใส่รากฟันเทียม
รากฟันเทียมจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ Screw เป็นส่วนที่ฝังอยู่ใต้เหงือก ทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ Abutment เป็นตัวรองรับครอบฟัน ทำหน้าที่แทนแกนฟัน และ Crown เป็นส่วนของตัวฟันที่ทำจากเซรามิก ทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร ซึ่งขั้นตอนหลัก ๆ ของการใส่รากฟันเทียม มีดังนี้
- ตรวจสภาพช่องปากอย่างละเอียดและวางแผนการรักษา ผ่านการ X-ray และ CT Scan แต่หากต้องมีการฝังรากฟันเทียมหลายตัว ทันตแพทย์ก็จะพิมพ์ฟันและทำ Surgical guide เพื่อประกอบการวางแผนการรักษาร่วมด้วย
- เตรียมพื้นที่สำหรับการฝังรากเทียม โดยตรวจสอบสภาวะกระดูกว่ามีเพียงพอสำหรับการทำรากฟันเทียมหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบสภาวะความพร้อมของคนไข้ เช่น มีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการยิมจากแพทย์ผู้ดูแลก่อนทำการรักษา
- เตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียม โดยการพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานยาประจำตัวให้เรียบร้อย
- การวางรากเทียม ทันตแพทย์จะผ่าตัดฝังรากเทียมในกระดูกขากรรไกร หลังจากนั้น 7 – 14 วัน ทันตแพทย์จะนัดมาเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง
- การฟื้นฟูหลังผ่าตัดเสร็จ หลังจากรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกประมาณ 2 – 6 เดือน ทันตแพทย์จะนัดมาทำครอบฟัน โดยจะพิมพ์บริเวณรากเทียมเพื่อส่งทำครอบฟัน แล้วค่อยนัดมาใส่ครอบฟันหลังจากนั้น
- ตรวจเช็กสภาพรากฟันเทียมตามที่ทันตแพทย์นัด
3. รากฟันเทียมอยู่ได้กี่ปี
รากฟันเทียมทำจากวัสดุที่มีความคงทน คือ ไทเทเนียม ซึ่งสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันจริง โดยอายุการใช้งานของรากฟันเทียมนั้นอยู่ได้นานมากกว่า 20 ปี แต่หากมีการดูแลรักษาอย่างดีและสม่ำเสมอ ทั้งการแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน รวมถึงการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ รากฟันเทียมก็สามารถอยู่ได้ถาวรหรือตลอดชีวิต
4. ข้อดีของการใส่รากฟันเทียม
- เสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทำให้สามารถยิ้มและพูดคุยได้อย่างเต็มที่
- ช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถออกเสียงได้อย่างชัดเจน
- ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ
- เสริมสร้างสุขภาพช่องปากและช่วยรักษาเนื้อเยื่อเหงือก
- ดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย
- ช่วยป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียงได้
- มีความคงทนถาวร
- ไม่จำเป็นต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
ทั้งนี้ การใส่รากฟันเทียมก็มีข้อจำกัดเช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว, ผู้ที่สูบบุหรี่จัดหรือดื่มแอลกอฮอร์อาจจะต้องงดเว้นการดื่มหรือสูบ ในช่วงเวลาที่ปลูกรากเทียม และผู้ที่มีภาวะการเจริญเติบโตอยู่
5. เหมาะสำหรับใคร
- ผู้ที่สูญเสียฟันแท้
- ผู้ที่ไม่มีฟันซี่นั้นๆ มาตั้งแต่กำเนิด
- ผู้ที่ไม่สามารถใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
- ผู้ที่ไม่ชอบหรือไม่สะดวกกับการใช้งานฟันปลอมแบบถอดได้
ทุกคนคงได้รับคำตอบจากคำถามที่สงสัยแล้วว่ารากฟันเทียมอยู่ได้กี่ปี มีข้อดี และเหมาะสำหรับใครบ้าง หากใครประสบปัญหาสูญเสียฟันแท้และสนใจการใส่รากฟันเทียม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพช่องปากรวมถึงบุคลิกภาพ สามารถติดต่อเข้ารับการรักษากับ Denta-joy THE ORTHODONTIST ได้เลย เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการทันตกรรม พร้อมให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่เบอร์ 095-491-8659